วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

การปฏิสนธิตามหลักพระอภิธรรมปีฎก

การปฏิสนธิตามหลักพระอภิธรรมปีฎก

เมื่อปฏิสนธิเกิดขึ้นครั้งแรกนั้น รูปที่ปรากฏ คือ เป็นน้ำกลละประมาณเท่าแมลงวันกินอิ่ม หรือเท่าน้ำมันที่ติดอยู่ปลายขนจามจุรี เวลาผ่านไป ๑ สัปดาห์ น้ำกลละเปลี่ยนเป็นอัมพุทะคล้ายน้ำล้างเนื้อ เวลาผ่านไปอีก ๑ สัปดาห์ เจริญขึ้นเป็นเปสิ คล้ายน้ำเมือก ผ่านไปอีก ๑ สัปดาห์ กลายเป็นฆนะ ก้อนเนื้อ ผ่านไปอีก ๑ สัปดาห์ เกิดเป็นปัญจสาขา คือ ศรีษะ ๑ ขา ๒ แขน ๒ ต่อไปเป็นปริปากเจริญขึ้นจนมีศรีษะ แขน ขา เป็นรูปร่างขึ้น รวมเวลา ๙ สัปดาห์ ก็เกิดจักขาทิ มีตา จมูก ปากขึ้น ต่อไปอีก ๙ สัปดาห์ ก็มีผม ขน เล็บ จนบริบูรณ์ด้วยอาการ ๓๒ ทารกอยู่ในครรภ์มารดา ๙ เดือน ๒๙ วัน หรือ ๑๐ เดือน ก็คลอดออกมา เว้นแต่จะมีเหตุอื่นมาแทรกแซง การคลอดอาจผิดไปจากกำหนดนี้ก็ได้

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

ตรีธาตุ

ตรีธาตุอันได้แก่ ปิตตะ วาตะ เสมหะ มี 2 ลักษณะคือลักษณะหยาบ และลักษณะละเอียด ดังนี้
1. ตรีธาตุในลักษณะหยาบ  ชี้ให้เห็นชัดได้คืออวัยวะทางเดินอาหารเป็นสำคัญ (Alimentary canal) โบราณเรียกว่า “มหาโศรต”
นับแต่ปากไปถึงทวารหนักแบ่งเป็น 3 ภาคคือ ภาคบนคือปากเป็นที่ตั้งของเสมหะ ภาคกลางคือตอนต้นลำไส้ เป็นปิตตะสถานะ
ภาคปลายคือลำไส้เล็กเป็นวาตะสถานะ  เมื่อเรากินอาหารทั้ง  6 รสเข้าไปก็จะถูกตรีธาตุย่อยตามภาคต่างๆแล้วไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
 สามารถเทียบเคียงแผนปัจจุบันได้คือ เมื่ออาหารเคี้ยวในปากและลงไปในกระเพาะอาหาร ตอนนี้เสมหะสถานะจะทำการย่อยแป้งเป็นน้ำตาล
เมื่ออาหารมาถึงกลางท้องคือกระเพาะผลิตกรดไฮโดรคลอริกและน้ำย่อยอาหารประเภทโปรตีน และลำไส้เล็กจะถูกน้ำดีในส่วนของปิตตะ
สถานะย่อยไขมันให้เป็นกรดไขมัน (Fatty acids) เมื่ออาหารเคลื่อนไปถึงลำไส้ส่วนปลาย ถูกวาตะในวาตะสถานะ ย่อย แล้วดูดซึมเลี้ยงร่างกายทั่วไป
เปลี่ยนเป็นสภาพวาโยหมายถึงวาตะที่เห็นไม่ได้
 2. ตรีธาตุในลักษณะละเอียด เป็นสิ่งที่ละเอียดมากแปรสภาพผิดไปจากธาตุแบบหยาบ ยกตัวอย่างเช่นน้ำปกติเป็นของเหลว ถูกความเย็นจัด
กลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อถูกความร้อนก็กลายเป็นไอ มององไม่เห็น เย็นมากก็กลายเป็นน้ำอีก กระบวนการนี้ไม่อาจมองเห็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
 แต่รู้ว่ามันมีอยู่จริง  วาตะเปรียบเสมือนกระแสประสาท ซึ่งมองไม่เห็นแต่ก็รู้ว่ามีอยู่จริง ปิตตะก็เปรียบเหมือนความร้อน มองไม่เห็นแต่ก็รู้ว่ามีอยู่จริง
 เสมหะก็เปรียบเสมือนความเย็น และสิ่งที่แทรกซึมคอยหล่อลื่นระบบต่างๆของร่างกายไม่ให้ฝืดเคือง
ไม่ว่าโรคใด ๆ ก็ตาม แม้แต่แผนปัจุบันที่มีการค้นคว้ามาใหม่ แผนโบราณเข้ามาจัดอยู่ในตรีธาตุหรือตรีโทษทั้งหมด ไม่ว่าโรคใดๆก็ตามก็จะหนีไม้พ้น 3
สิ่งนี้คือ  วาตะ ปิตตะ และเสมหะ

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

โรคสมองพิการ มัตถะเกฯ

  อัมพฤกษ์ (Paresis) อัมพาต (Paralysis) เป็นกลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
 ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่นเกิดจากหลอดเลือดในสมองตีบ อุดตัน หรือแตก หรือเกิดจากการที่สมอง ไขสันหลัง
 หรือเส้นประสาทได้รับบาดเจ็บหรือมีการอักเสบ เป็นต้น ส่วนการแพทย์แผนไทยระบุสมุฏฐานของอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือลมอัมพฤกษ์ อัมพาต
กล่าวไว้ว่า เกิดจากลมอโธคมาวาตา และลมอุทังคมาวาตาพัดมาระคนกัน

โรคฝี ดาษ ติดเชื้อ


ว่าด้วยโรคฝีดาดและยาแก้ ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์
ฝีดาดเป็นโรคมีเชื้อติดกันได้ง่าย ฝีดาดเป็นโรคเป็นครั้งเดียว ผู้ที่เป็นแล้วจะไม่เป็นอีก และเป็นโรคที่มีวิธีป้องกันได้ คือ เอาเชื้อของฝีดาดมาปลูกลงในคน เมื่อเอาเชื้อปลูกลงในคนแล้ว จะมีฝีเกิดขึ้น แต่ฝีที่ปลูกนี้ไม่มีพิษร้ายแรงอย่างใด เมื่อปลูกแล้วเป็นการป้องกันฝีเถื่อนได้ มียาแก้ดังต่อไปนี้
ยาแก้ไข้ฝีดาด เอาใบมะกรูด ใบมะนาว ใบมะงั่ว เอาเสมอภาค ใบตำลึงตัวผู้เท่ายาทั้งหลาย บดปั้นแท่ง กินชะโลม แก้ร้อนพิษฝีดาด
ยาหนุนหนองฝีดาด เอายอดหวายขม เปลือกหมากสง ลูกฝ้าย ตำให้แหลก แล้วเอาน้ำฟักเป็นกระสายแทรกสุราด้วย กรองเอาน้ำพ่น
ยาแก้คันฝีดาด เอาใบกระท้อน ขมิ้นอ้อย ตำให้แหลกแทรกสุรา คั้นเอาน้ำพ่น
ยาแก้พิษฝีดาดเป็นอาการต่าง เอาหัวเขาควายที่ใช้แล้วกับฟันคนต้มเอาน้ำกิน แก้พิษฝีดาดดีนักแล
ยามหานิลกลาง เอาเทียนทั้ง ลูกจันทน์ แก่นจันทน์ทั้ง หว้านกีบแรด หว้านร่อนทอง เบ็ญกานี ตรีกะฏุก เอาสิ่งละ บาท ยาทั้งนี้ขั้วให้เหลือง บดปั้นแท่ง ละลายสุรากิน แก้อาเจียน และแก้ลงเป็นโลหิต แก้พิษฝีดาด แก้เหือดหัด ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ยาหอมสำริด เอาลูกจันทน์ ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู เทียนขาว เทียนแดง เทียนสัตบุษย์ เทียนข้าวเปลือก เทียนเยาวภาณี โกฏสอ โกฏหัวบัว โกฏน้ำเต้า โกฏเชียง โกฏจุลาลำภา อบเชยเทศ จันทน์ทั้ง สะค้าน กฤษณา กระลำภัก ขอนดอก เกษรบัวหลวงแดง ขาว ดอกสัตบุษย์ ดอกสัตบัน ดอกสัตบงกช ดอกบัวเผื่อน ดอกนิลอุบล ดอกจงกลนี ดอกบัวขม ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอกสารภี ดอกมะลิ ดอกกระดังงา ถ้าจะแก้พิษฝีดาด และพิษลมทำให้ชัก ให้แทรกสมุลแว้ง ถ้าจะแก้ไข้พิษให้ยกสมุลแว้งออก ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ บาท บดปั้นแท่งด้วยน้ำดอกไม้เทศ แทรกชะมดเชียง หญ้าฝรั่น อำพันทอง พิมเสน แก้ไข้ละลายดอกน้ำมะลิสดกิน แก้พิษฝีดาดและลมชัก ละลายน้ำดอกไม้เทศกิน
ยาแดงประทุมชาติ เอาจันทน์แดง จันทน์ขาว ดอกพิกุล บุนนาค เกษรบัวหลวง ดอกคำไทย ครั่ง มวกแดง เถาหญ้านาง ดอกงิ้ว เอาสิ่งละ บาท ฝางเสน เท่ายา เอาน้ำปูนแช่ไว้ คืน แล้วเอาน้ำมาเป็นกระสายบดปั้นแท่ง แก้ไข้พิษ ไข้สันนิบาต ไข้ฝีดาด ไข้หัด มีอาการร้อนกระสับกระสาย ละลายน้ำซาวข้าวกินชะโลม ถ้ามีน้ำลูกเห็บเอาแทรกลงด้วย แก้สลบละลายน้ำดอกมะลิสดกิน ใช้ได้ทั้งเด็กแลผู้ใหญ่
ยาแก้ฝีดาดขึ้นในลำคอ หรือฝีขึ้นในลำคอ ทำให้กินข้าวกินน้ำมิได้ เอาใบสวาด ใบผักคราด น้ำประสานทองสะตุ บดปั้นแท่งปิดทองคำเปลว ละลายน้ำซาวข้าวแทรกสุราอม
ยาเหลือง เอาลูกจันทน์ กำมะถันทั้ง หอมแดง ดอกจันทน์ กระวาน กานพลู หว้านร่อนทอง พิศนาต ลูกจุกโรหินี สารส้ม เมล็ดมะนาว เนระภูษี หัวหอมแดง หัวหอมขาว หัวกระเทียม กระชาย กะทือ ไพล ขมิ้นอ้อย ครั่ง น้ำประสานทอง จันทน์ทั้ง ไคร้เครือ ลูกราชดัด เมล็ดผักกาด ลูกสาระพัดพิษ ชะเอม พริกไทย ดีปลี ดินประสิว เอาเสมอภาค บดปั้นแท่ง แก้ตกมูกเลือด แก้ลงโดยพิษฝีดาด ลงตานซาง ละลายน้ำมะเดื่อต้มกิน ถ้าไม่ฟังละลายสุรากิน แก้ซางขึ้นคอ ละลายน้ำมะนาวแทรกเกลือกวาด
ยาเขียวสาระพัดพิษ เอาใบมะเดื่อดิน ใบมะเขือขื่น ใบมะแว้งทั้ง ลูกมะเขือขื่น ใบมะระ ใบผักเค็ด ใบพริกไทย ใบกระวาน ใบสะค้าน ใบช้าพลู ใบดีปลี ใบพิมเสน ผักกระโฉม เถาหัวด้วน ใบฝ้ายแดง รากมะกล่ำเครือ ใบสันพร้าหอม ใบสันพร้ามอญ ใบน้ำเต้า ใบพรมมิ เอาเสมอภาค บดปั้นแท่ง แก้ลมชัก แก้พิษไข้ แก้ไข้ตานซาง แก้ลมกาฬ แก้พิษฝีดาด ละลายน้ำดอกไม้ น้ำจันทน์กิน แก้ซางชัก น้ำจันทน์หรือน้ำดอกไม้ น้ำสุรากิน แก้พิษฝีดาด น้ำสุรากิน แทรกดีงูแหลือมด้วย
ยาจันทหฤทัย เอาพิมเสน สลึง ชะมด สลึง ลูกสมอทั้ง ลูกมะขามปอม หว้านน้ำ กระชาย หัวหอม หัวกระเทียม ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ชะเอมเทศ เอาสิ่งละ บาท เมล็ดผักชี .... สลึง การะบูน สลึง ยาทั้งนี้ขั้วให้เกรียม แล้วเอาเกษรบัวหลวง ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอกสารภี สิ่งละ บาท จันทน์เทศ บาท จันทนา ๑๐ บาท จันทน์หอม ๑๐ บาท บดปั้นแท่งแก้เชื่อมซึม น้ำรากบัว น้ำรามะกอก แก้ปวดมวนเพื่อพิษเสมหะ น้ำกระเทียมต้ม น้ำการะบูน น้ำพิมเสน แก้ชักเพื่อลม ชักเพื่อพิษฝีดาด น้ำสุราแทรกดี แก้ตัวร้อน น้ำลูกสมอไทย น้ำพระยามูลเหล็กต้ม แก้ร้อนสวิงสวาย แก้กระหายน้ำ น้ำไส้ฟัก น้ำชะเอม แก้มัวซึม น้ำจันทน์ น้ำดอกไม้ แกอาเจียน น้ำใบพรมมิ น้ำใบมะระ แทรกพิมเสนกิน
ยาถ่ายฝีดาด เอาหญ้าแพรก ขี้วัว ใบน้ำเต้า ขมิ้นอ้อย เอาเสมอภาคต้มแทรกดีเกลือกิน
ยาพ่นฝีชักไส้ไม่มีหนอง เอากล้วยหอมทอง ผล ผักชี กะทิ ไข่ ตำให้แหลกคั้นเอาน้ำพ่นฝีให้ขึ้นหนอง
ยาเหลืองนพรัตน์ เอาลูกราชดัด ลูกสาระพัดพิษ กำมะถันแดง กำมะถันเหลือง ดินประสิว สารส้ม ชาดหรคุณ ชาดก้อน ชันผง เมล็ดมะนาว หรดาลทอง โกฏทั้ง หว้านกีบแรด หว้านร่อนทอง พริกไทย ดีปลี กระชาย กระเทียม หอม ไพล ขมิ้นทั้ง เอาเสมอภาค บดปั้นแท่ง แก้หละแก้ซาง ละลายน้ำสุรา หรือน้ำมะนาวแทรกดีงูเหลือมกวาด แก้พิษฝีดาด ฝีหัวเดียว แก้ชักเพื่อลม
ยาแก้กระหายน้ำฝีดาด เอาชะเอมเทศฝนกับน้ำมะนาวกิน ดีนัก
ยาแก้คันฝีดาด เอาใบสะเดา ผักขวง บอระเพ็ด(บระเพ็ด) ขมิ้นอ้อย ตำละลายสุราพ่นแก้คัน
ยาพรหมภักตร์สี่ตำหรับ เอาลูกจันทน์ มหาหิงคุ์ ยาดำ กานพลู เอาสิ่งละ บาท พริกหอมเท่ายาทั้งหลาย บดปั้นแท่งด้วยน้ำเปลือกมะรุม แก้ลมปัตฆาต ราชยักษ์ ลมตีนกำมือกำ ตาเหลือก คางแข็ง น้ำลายฟูมปาก ไม่รู้สึกตัว ละลายน้ำเปลือกมะรุมกับสุรากิน แก้พิษฝีดาดและฝีอย่างใด ละลายน้ำสุรากิน
ยาแท่งขาว เอารากมะปราง รากมะไฟ รากมะนาว รากมะเฟื้อง กระดูกแร้ง กระดูกกา กระดูกงูทับทาง กระดูกงูเหลือม ขมิ้นอ้อย พวกกระดูกให้เผาไฟ เอาเสมอภาค บดปั้นแท่ง แก้พิษฝีดาด ละลายสุรากิน แก้ร้อนในกระหายน้ำ ละลายน้ำครำหรือสุรากิน แก้ไข้พิษไข้กาฬ แก้ไขฝีดาด แก้กระหายน้ำ ละลายน้ำดอกไม้หรือน้ำจันทน์ หรือน้ำไส้ฟักกิน แก้พิษแสลงก็ได้
ยาแก้ไข้อีดำอีแดงและไข้ฝีดาด มีอาการลงท้อง เอาเปลือกตะคร้อ ใบเทียน ใบทับทิม ผักขวง ขมิ้นอ้อย บดละลายน้ำเปลือกแคแดงต้มกิน
ยาปราบอากาศ เอารากดิน กระดองปูป่า กระดองเต่าเหลือง กระดูกหมาดำ ก้ามปูทะเล คางคกตายซาก ก้านลาน น้ำประสานทองสะตุ อุจาจาระแห้ง หวายตะคร้า กระดูกแร้ง กระดูกกา กระดูกงูทับทาง กระดูกงูเหลือม รากละหุ่งแดง รากลำโพงกาสลัก หัวมหากาฬ ลูกสะบ้าลิง ลูกประคำดีควาย ขมิ้นอ้อย สะบ้าลาย เนระภูษี สะบ้ามอญ เอาเสมอภาค ผาไฟให้ไหม้ บดปั้นแท่งปิดทอง แก้ไข้เพื่อกาฬ แก้กาฬสิงคลี แก้พิษไข้ แก้สลบ เอาตะปูเผาไฟแช่น้ำมูตรเอาปนกับน้ำครำ เป็นกระสายแทรกดีงูเหลือมกิน แก้ไข้จับ ละลายน้ำมูตรกิน แก้พิษฝีดาดและกาฬทำให้สลบ ละลายน้ำไส้ฟัก น้ำครำ สุรา แทรกดีกิน แก้ไข้ฝีดาด ละลายน้ำมูตรกิน
ยาแปรฝีร้ายให้เป็นดี เอารากมะเดื่อชุมพร รากหญ้านาง รากคนทา ใบเท้ายายม่อม รากมะนาว รากพุงดอ รากกะตังบาย รากชิงชี(ชิงชี่) ทราย แกลบ หนังแรด หนังกระเบน เอาเสมอภาค ต้มกิน
ยาชื่อสะท้านไตรภพ เอาขี้วัว หญ้าแพรก หญ้าปากควาย ใบน้ำเต้า ใบเงินใบทอง ใบแสมเสน ใบสันพร้ามอญ สบสันพร้าหอม ใบถั่วแระ กกลังกา ชุมเห็นทั้ง ใบมะยม ใบมะเฟือง ใบบอระเพ็ด(บระเพ็ด) ใบสะเดา ใบหนาด ใบสับปะรด ฆ้องสามย่าน ใบทรงบาดาล หว้านหางจรเข้ ใบบัวหลวง ใบสมี ใบผักเข้า ใบระงับ หญ้างวงช้าง ใบลำโพง กาสลัก ขมิ้นอ้อย แก่นจันทน์ทั้ง เกษรทั้ง ไคร้เครือ มหาสะดำ พิศนาด ระยอม โกฏทั้ง เครืองเทศเอาสิ่งละ บาท ใบไม้เอาสิ่งละ บาท บดปั้นแท่งด้วยน้ำหัวแห้วหมูต้ม แก้ไข้เหนือ ไข้สันนิบาต ไข้สำประชวร ไข้รากสาด อีดำอีกแดง แก้กาฬทั้ง ละลายน้ำสุกกิน แก้กาฬทั้งปวงน้ำครำ แก้ไข้น้ำมูตรครึ่งนำท่าครึ่ง แก้บิดน้ำขมิ้นอ้อย น้ำเปลือกแค เปลือกทับทิม กวาดแก้ไข้น้ำมะนาวแทรกเกลือ แก้สะบัดร้อนสะบัดหนาว น้ำซาวข้าวกิน .... แก้ผิดสำแดงน้ำซาวข้าวเอารากมะปรางหวานฝนแทรก แก้ลงท้องน้ำขมิ้นอ้อย แก้ไข้ฝีกาดแรก.... เหล้าครึ่งน้ำท่าครึ่ง ต่อไปละลายเหล้ากิน
ยาแก้พิษไข้ฝีดาด เอาใบมะกรูด ใบมะนาว ใบมะงั่ว เอาเสมอภาค เอาใบตำลึงตัวผู้เท่ายาทั้งหลาย บดปั้นแท่ง ละลายน้ำกระสายกินและชะโลม
คัดลอกจาก...ตำราแพทยฺ์ไทยโบราณ ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์